เมืองมิเอะ ญี่ปุ่น แหล่งอารยธรรม ตอนกลางประเทศญี่ปุ่น

เมืองมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น มีอะไร?

Mie อ่านว่า มิ-เอะ ตามการอ่านแบบภาษาญี่ปุ่น เป็นเมืองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เลย ใครที่นึกถึง ประเทศญี่ปุ่น ก็คิดถึงแต่ โตเกียว เกียวโต โอซาก้า ใครจะไปรู้จัก มิเอะ จังหวังหวัดเล็กๆ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น จังหวัดนี้ 

ครั้งแรกที่รู้จักเมืองนี้ รู้จักจากการได้รับ ทุนการศึกษา ให้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ มหาวิทยาลัยนี้ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ตอนนั้นนี่ หลังจากที่รู้ว่าได้รับทุน ก็รีบหาข้อมูล เกี่ยวกับจังหวัดนี้ทันที แต่ก็ไม่มี ข้อมูลมากนัก จนได้ไปอยู่ที่นั้น 1 ปีเต็มๆ 

มิเอะ เป็นจังหวัดจังหวัดหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น อยู่ใกล้ๆกับ นาโกย่า ไม่ไกลจาก โอซาก้า เกียวโต นารา แต่ต้องบอกก่อนว่า ด้วยความที่เราไปเรียน ที่ Mie University เราขอเอา เมือง Tsu อ่านว่า ซึ เป็นเมืองศูนย์กลางในการอธิบายจังหวัดนี้ นะคะ 

การเดินทางไป Mie University

จากประเทศไทย วิธีการเดินทางไป มิเอะ ที่สะดวกที่สุดคือ นั่งเครื่องบินไปลงที่ Chubu Centrair International Airport ของจังหวัด Nagoya แล้ว ต่อเรือเฟอรี่ข้ามมาลงฝั่ง Tsu ง่ายมากๆ (อันนี้พี่เขียนไว้ให้นักเรียนทุน คนไทย ที่มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่ มิเอะได ไว้ให้เลยเนาะ อิอิ) จากนั้น ก็นั่งแทคซี่ ไปมหาลัยได้เลย ไม่ไกลมาก

มหาลัยมิเอะ เป็นไม่กี่มหาลัยในญี่ปุ่นที่ติดทะเล !!!

ด้วยความที่ได้ไปแลกเปลี่ยน ต้นปี 2012 ซึ่ง 1 ปีผ่านมา ของสึนามิ ครั้งยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น เมื่อมีนา 2011 แล้วพอศึกษาหาข้อมูลว่า มหาวิยาลัย มิเอะ ที่ได้รับทุนนั้น ติดทะเล !!! คืออยากร้องXX ดังๆ อะไรวะ มหาลัยในญี่ปุ่นมีตั้งเยอะ ทำไม ตรูต้องได้ทุน มหาลัยที่มันติดทะเลด้วย 55555+ แต่นะ ก็ไป ไม่มีอะไร แถม ได้หอที่ติดทะเล ประมาณ 200 เมตรไปอีกค่ะ 

ด้วยความที่มหาลัยติดทะเล แถมหอเราก็ติดทะเลอีก จึงทำให้พวกเราได้ไปวิ่งเล่นริมทะเลบ่อยๆ ช่วงฤดูร้อนตอนเย็นๆ จะเห็นคนญี่ปุ่นมาเดินเก็บหอย กับเต็มหาด กระเหรี่ยงแบบเรา ก็ทำตาม วันแรกคือ ไม่ได้หอย สักกะตัว แถมงงว่า คุณลุง คุณป้า คุณน้า ญี่ปุ่น ที่เดินผ่านไปมาทั้งหลาย เค้าหาหอยกันยังไง ได้มาเต็ม ถัง วันที่สอง ลองไปใหม่ค่ะ แล้วเราก็หาหอยไม่ได้อีกเช่นเคย เลยยืนท้อแท้ อยู่นิ่งๆ ไม่ขยับเท้าไปไหน ประมาณ 1-2 นาทีได้  อยู่ๆ ก็รู้สึกว่า ที่เท้าเรามีอะไรแข็งๆ เหมือนหิน อยู่ใต้เท้าที่เราเหยียบ พอคิดว่าใช่แน่ ก็ใส่ก้มเอามือ ลงไปขุด โอ้โห คุณพระ หอยกระปุก ตัวเป้ง ๆ เต็มเลยค่ะ เลยถึงบางอ้อว่า ต้องขุด หาหอย ใต้ทราย ไม่ใช่เดินหาหอย บนหาดทราย มันอยู่ ใต้ทราย ค่ะ 555+ สรุป อาทิตย์นั้น เรากับเพื่อน กินหอยกันทั้งอาทิตย์ แถมมีมาพอ เผื่อแผ่ เพื่อนชาติ อื่นๆด้วย 

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอย่างอื่นอีก เช่นเล่นดอกไม้ไฟ บนหาดทราย ทำปิ้งย่างอาหารกันริมหาด พอมานึกย้อนกลับไป ดีใจมากค่ะ ที่มหาลัยที่เราได้ไป อยู่ติดทะเล

สถานที่ท่องเที่ยวในมิเอะ ที่ต้องไป !!!

พอช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เรากับเพื่อนๆ ก็หาสถานที่เที่ยวสิคะ 

โดยในมิเอะ มีสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ ดังนี้

Nabana no Sato 
Nagashima Spa Land 

  • Ise Jinju 
  • Okage Yokocho Ancient Street 
  • Geku (Toyouke Daijingu) 
  • Meoto Iwa 
  • Mikimoto Pearl Island 

Ninja Museum of Igaryu 
Iga Ueno Castle 
Akame 48 Waterfalls 
Suzuka Circuit 

  • Gozaisho Ropeway 
  • Shinmei Shrine Ishigami-san 
  • Tsubaki Grand Shrine 

ขอบอกว่า ที่ลิสต์มาให้นี้ คือสถานที่สุดพีค ที่ต้องไปจริงๆ ถ้ามีโอกาสได้ไปญี่ปุ่น ตอนกลาง คือ เราประทับใจหลายที่มาก และแต่ละที่ เป็นความทรงจำดีๆ จริงๆ ค่ะ

1.Nabana no Sato 

นาบานะ โนะ ซาโตะ ตอนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่คนไทย จริงๆมันคือสวนดอกไม้ค่ะ แต่ว่า ช่วงฤดูหนาวเค้ามีการจัดแสดงประดับไฟ ทั่วทั้งสวนเลย จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมเยอะมาด โดยเฉพาะทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวจากนาโกย่า เพราะมันอยู่ในเขต ของจังหวัดมิเอะ ในฝั่งที่ใกล้นาโกย่ามากๆ คือใกล้ว่าจากมหาวิทยาลัย ซะอีก ซึ่ง สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ เป็นที่แรก วีคแรก ที่เราไปเที่ยว ในช่วงฤดูดอกไม้บาน พอดี แต่ช่วงที่เรา เค้ายังไม่มีการจัดแสดงประดับไฟ เลยได้แต่ชมดอกไม้สวยๆแทน ซึ่ง มันสวยจริงๆ สวยจนแบบที่ว่า 1 ปี ของเราที่มิเอะ เราไป นาบานะ โนะ ซาโตะ ประมาณ 3-4 ครั้งได้ค่ะ 55+ คือมันดีจริงๆ 

นาบานะ โนะ ซาโตะ ช่วงกลางวัน 

ถ้าเราไปในช่วงกลางวัน ก็จะได้ฟิว อีกฟิวหนึ่งค่ะ ซึ่งสวนดอกไม้แห่งนี้ขอบอกว่าใหญ่มากๆ ค่ะ เดินจนเหนื่อยอ่ะค่ะ กว่าจะหมดสวน แถมเค้าแบ่งออกเป็นโซนๆ อีก ซึ่งโซนที่พลอยชอบมากที่สุด ก็คือ โซนดอกทิวลิป ที่อยู่กลางสวนค่ะ คือมีหลายสี มากๆ ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีขาว หรือสีชมพู เป็นทุ่งกว้างๆ ตัดกับใบเขียวๆ ท้องฟ้าสดใส  คือ สวยมากๆ บรรยกาศดีมากๆ แล้วคือ ไม่ว่าเราจะไปฤดูไหนนะคะ ก็จะมีดอกไม้คอยต้อนรับเราเสมอ เรียกว่าไป นาบานะ โนะ ซาโตะ ได้ตลอดทั้งปีเลย ถ้าไปฤดูใบไม้ผลิ ก็จะเจอดอกทิวลิป ฤดูร้อนก็จะเจอดอกคอสมอส ดอกดาเลีย ดอกกุหลาบ ถ้าไปฤดูใบไม้ร่วง ก็จะเจอกับใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสี ฤดูหนาว ก็มีไฟประดับ คือ ไปเถอะ ดีทุกฤดูแน่นอน 

แต่ถ้าจะไปดูไฟประดับ ที่นาบานะ โนะ ซาโตะ ต้องไปช่วงฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ 

ซึ่งจะมีไฟประดับประดา ตั้งแต่ทางเข้า ซึ่งไฮไลท์คือ อุโมงที่ประดับด้วยแสงไฟที่ยาวกว่า 200 เมตร คือในอุโมงจะสวยมากๆ พอเดินออกมา ก็จะเจอเหมือนภูเขาเทเลทับบี้ ที่ประดับไปด้วยแสงไฟอ่ะ สวยจริงๆค่ะ 

** มีคนแนะนำให้ไปช่วงฝนตก เพราะคนจะน้อย แถมฝนจะทำให้เห็นแสงไฟดูระยิบระยับขึ้นไปอีก อันนี้ต้องบอกก่อนว่ายังไม่เคยลองไปตอนช่วงฝนตกค่ะ ใครไปตอนฝนตกก็มาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ ** 

วิธีการเดินทางไปก็ง่ายมาก 

นั่งรถไฟไปลงสถานี Kuwana แล้วนั่งบัสต่อไป Nabana no Sato ได้เลย มีรถบัสวิ่งรับส่ง ระหว่างสถานี คุวาน่า ไปยังสวนโดยเฉพาะ แต่ถ้าใครมาจากนาโกย่า ก็ มีรถบัสวิ่งตรงมาสวนเลยค่ะ

2.Nagashima Spa Land

นากาชิมา สปา แลนด์ อันนี้ก็ดี ใกล้นาโกย่าอีกเช่นกัน ซึ่งที่นี่แบ่งหลักๆ แบบความเข้าใจของเราเป็น 3 ส่วนคือ 

  1. สวนน้ำ + รถไฟเหาะ 
  2. ออนเซ็น 
  3. เอ้าเลท 

คือ นากาชิมา สปาแลนด์แห่งนี้ เค้าคือ รีสอร์ท ค่ะ ซึ่งมีกิจกรรมให้กับคนทั้งครอบครัวทำ คือไมว่าจะเป็นสวนน้ำ รถไฟเหาะ ส่วนชอปปิ้งเอ้าเลท และ ยังมีออนเซ็นสปา อีก เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวจบ ได้ครบ ซึ่งที่นี่ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สำหรับคนญี่ปุ่นเอง 

แต่ พลอยต้องบอกตามตรงว่า พลอยเคยไปแต่เอ้าเลท ค่ะ เล้าเลทที่นี่มีร้านแบรด์เนม เยอะมาก คือใครต้องการซื้อของดี ของแบรนด์ นี่ขอแนะนำให้ไปเอาเลทที่นี่ค่ะ แถมที่นี่เค้า ร่วมมือกับสวนดอกไม้ นาบานะ โนะซาโตะ ด้วยนะ

3.Ise Jinju

อิเสะ จิงกุ เป็นศาลเจ้า ที่มีชื่อเสียงในมิเอะ และถือเป็น 1 ใน 3 ของศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น  และเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ และ เก่าแก่ที่สุด มีอายุเป็น พันปี โดยหน้าศาลเจ้า จะมีสะพานไม้ Uji เป็นสะพานไม้ ระยะความยาวประมาณ 100 เมตร ข้ามแม่น้ำด้านล่าง ซึ่งสะพานนี้จะทำการเปลี่ยน ทุกๆ 20 ปี อีกด้วย 

คนญี่ปุ่นเชื่อว่า การข้ามสะพานแห่งนี้ ก่อนเข้าไปที่ศาลเจ้า เหมือนเป็นการข้ามไปจากโลกปัจจุบัน ไปสู่อีกดินแดนหนึ่ง ซึ่งถือเป็นดินแดน ศักดิ์สิทธิ์ โดยหน้าศาลเจ้าจะมี โทริอิ ขนาดใหญ่ อยู่หน้าศาลเจ้า 

พอเดินข้ามสะพานมาแล้ว ไม่ได้เจอกับศาลเจ้า นะคะ จะเจอกับสวนต้นไม้ ที่จัดตกแต่งไว้อย่างดี ต้องเดินเข้าไปลึกพอสมควร ระหว่างทางที่เดินเข้าไปเรื่อยๆ จะเจอกับแม่น้ำ ที่เราข้ามมาเมื่อสักครู่ สามารถเดินลงไปดูใกล้ๆได้ แล้วเราก็ต้องเดินๆ เดิน เดินเข้าไปอีก 

บรรยากาศ ข้างในคือจะมีต้นไม้สูง ใหญ่ แบบใหญ่จริงๆนะคะ เยอะมากๆ บางต้น น่าจะ 10 -20 คนโอบได้ แล้วจะเจอต้นไม้ใหญ่แบบนี้ ตลอดทาง แต่ขอบอกก่อนว่า ไม่ได้น่ากลัวนะคะ เพราะคนจะเยอะตลอดวัน 

และก่อนจะถึงศาลเจ้า จะมีบันได สูง หลายขั้นอยู่ค่ะ ต้องเดินเข้าไปไหว้ด้านใน ซึ่งห้ามถ่ายภาพด้วย จะเห็นว่าเป็นศาลเจ้าที่ดูธรรมดามาก จะอยู่ด้านในลึกๆ มีไม้กั้นไว้ เราเข้าไปไม่ได้นะคะ ได้แต่ยืนไหว้อยู่ด้านนอก และเชื่อไหมคะว่าเค้าไม่อนุญาติ ให้ใครทั้งนั้นเข้าไป เคยมีรายการสารคดีฝรั่ง ถ่ายภาพจากด้านบนด้วยเฮลิคอปเตอร์ ก็ไม่สามารถเห็นอะไรทั้งนั้น เพราะมีต้นไม้ปกคลุมมิดชิด คือถือเป็นสถานที่ ที่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆค่ะ 

และนอกจากนี้ คนญี่ปุ่นมักนิยมไปศาลเจ้าในวันปีใหม่ด้วยนะคะ 

โดยเฉพาะ ศาลเจ้าอิเสะ จะคึกคักเป็นพิเศษ ช่วงวันส่งท้ายปีเก่า ขึ้นปีใหม่ค่ะ 

เหมือนคนไทยเลยเนาะ ที่มีการสวดมนต์ข้ามปี ทำจิตใจให้สงบ คนญี่ปุ่นก็เช่นกันค่ะ เค้ามักนิยมไปศาลเจ้า ตอนสิ้นปีเช่นกัน

4.Okage Yokocho Ancient Street

เอาจริง พี่ก็จำชื่อตลาดไม่ได้หรอกค่ะ ยาวละเกิน แต่ที่จำได้แม่นคือ เป็นตลาด อารมณ์ถนนคนเดิน สั้นๆ หน้าศาลเจ้าอิเสะ นี่ต้องบอกก่อนว่า ถนนเส้นนี้ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ ที่กลายมาเป็นถนนคนเดินขายสินค้าหน้าศาลเจ้านะคะ 

คือจะบอกว่า ที่นี่คือ รวมของเด็ด เมืองมิเอะ ค่ะ โดยต้องเริ่มจากร้านแรก จากหน้าศาลเจ้า นั่นก็คือร้านขาย โมจิถั่วแดง เรียกว่า Akafuku เห้ยแก ไม่ซื้อไม่ได้ นี่คือร้านในตำนาน ต้องกิน !! เป็นร้านที่ขายโมจิ ไส้ถั่วแดง ที่มันไม่เหมือนใคร เลย ถั่วแดงนี่เนียลนุ่ม มากก โดยถ้ากินที่ร้าน เค้าจะมีเมนูแบ่งเป็นฤดูด้วยนะ ถ้าจำไม่ผิด ถ้าไปกินตอนฤดูร้อน จะเป็นเมนูน้ำแข็งไสโมจิถั่วแดง (ไอ้เจ้าอะกะฟุกุ นี่แหละ) แต่ถ้าไปฤดูหนาว จะเป็น ซุปโมจิถั่วแดงแบบร้อนๆ คือ อะกะฟุกุ เจ้านี้ ยังถือเป็นของฝากจากมิเอะ ด้วยนะคะ กล่องสีชมพูๆ แต่เสียง่าย มากๆ ต้องซื้อ ละทานภายใน 7 วัน เท่านั้น 

เอ้า มาตลาดแห่งนี้ ต้องไปกิน Ise Udon ด้วยนะคะ 

เพราะมันดังอีกเช่นกัน คือครั้งแรกที่ทานนี่แบบ งงมาก ทำไมเส้นมันนิ่ม จัง นิ่มแบบไม่เคยทานที่ไหน มาก่อน จนถามเพื่อนคนญี่ปุ่น เพื่อนบอกว่า เอ้อ ก็เพราะว่าคนสมัยก่อนอ่ะ เค้าเดินทางมาศาลเจ้าไง แล้วแบบเดินทางมาลำบาก อยากจะทานอะไรให้อิ่มท้องเร็วๆ เค้าเลยทำเส้นอุด้งมาแบบนิ่มๆ อันนี้ไม่รู้จริงหรือเปล่านะคะ แต่เพื่อนญี่ปุ่นเราว่ามาแบบนี้ 

ซึ่ง ต้องลองไปทาน มันนิ่มจริงๆ นิ่มแบบละลายไปเลยในปากค่ะ 

และจะต้องไปทานเนื้อย่างเสียบไม้ มัตซึซากะ (Matsusaka) 

กับ ซุปมิโซะทะเล เจ้าดังด้วยนะคะ 

แล้วตลอดสองข้างทางก็จะมีร้านรวงมาก มาย มีของจุกจิก กุ๊บกิ๊บให้ซื้อกลับบ้าน ถ้าไปอิเสะ ยังไงก็ต้องแวะค่ะ

5.Geku (Toyouke Daijingu)

Leave a Comment